This Is A Custom Widget

This Sliding Bar can be switched on or off in theme options, and can take any widget you throw at it or even fill it with your custom HTML Code. Its perfect for grabbing the attention of your viewers. Choose between 1, 2, 3 or 4 columns, set the background color, widget divider color, activate transparency, a top border or fully disable it on desktop and mobile.

This Is A Custom Widget

This Sliding Bar can be switched on or off in theme options, and can take any widget you throw at it or even fill it with your custom HTML Code. Its perfect for grabbing the attention of your viewers. Choose between 1, 2, 3 or 4 columns, set the background color, widget divider color, activate transparency, a top border or fully disable it on desktop and mobile.

goodhealth1999

About goodhealth1999

This author has not yet filled in any details.
So far goodhealth1999 has created 25 blog entries.

ยิ่งใช้ยามากชนิด ก็จะยิ่งอันตราย!!

By |กันยายน 17th, 2015|

 

 

 
คำถาม ยาตีกัน คืออะไร ส่งผลต่อสุขภาพอย่างไร?
ยิ่งใช้ยามากชนิด ก็จะยิ่งเพิ่มยาตีกัน 

ทุกวันนี้มียาให้เลือกใช้มากกว่าในอดีตเป็นอันมาก ชนิดของยานับวันจะมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีทางเลือกให้แพทย์ได้สั่งจ่ายยาที่มีความเฉพาะเจาะจงและเหมาะสมกับผู้ป่วยมากขึ้น ทั้งยังครอบคลุมการรักษาโรคให้กว้างยิ่งขึ้น

ท่ามกลางการค้นพบยาใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันผู้ป่วยก็มีโอกาสใช้ยาจำนวนมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรัง ยิ่งถ้าผู้ป่วยเป็นหลายโรค ก็ต้องใช้ยามากชนิดขึ้นตามอาการของโรคที่เป็น ทำให้มีแนวโน้มว่าคนจะมีการใช้ยากันมากขึ้น

การที่ต้องใช้ยาหลายชนิดในคราวเดียวกัน เพื่อรักษาโรคที่เป็นปัญหาอยู่นั้น อาจจะส่งผลให้ยาที่ใช้อยู่นั้นเกิด “ผลต่อกันได้” ซึ่งอาจจะเป็นคุณหรือโทษต่อผู้ใช้ยาก็ได้ และเราเรียกผลของยาชนิดที่หนึ่งที่ไปส่งผลต่อยาอีกชนิดหนึ่งนี้ว่า “ยาตีกัน”

คำว่า “ยาตีกัน” มาจากภาษาอังกฤษว่า drug interaction ซึ่งถ้าแปลตรงตัวจะได้ความว่า ปฏิกิริยาระหว่างยา ในที่นี้ขอเรียกให้เข้าใจตรงกันง่ายๆ ว่า “ยาตีกัน”
ยาตีกัน มีทั้งคุณและโทษ

เมื่อใช้ยาหลายชนิดร่วมกัน ก็อาจส่งผลกระทบต่อกัน หรือยาตีกัน ซึ่งจะส่งผลบวกหรือลบต่อสุขภาพร่างกายได้ โดยด้านบวกหรือคุณ ก็จะช่วยเพิ่มคุณประโยชน์ของยา ช่วยให้ลดขนาดของยาที่ใช้ลงได้ หรือเมื่อเกิดยาตีกันแล้วทำให้ได้ผลการรักษาดีขึ้น

ขอยกตัวอย่างเช่น การใช้ยาเพนิซิลลิน (ยาปฏิชีวนะ) ร่วมกับยาโพรเบเนซิด (ยารักษาโรคเกาต์) จะเกิด “ยาตีกัน” ขึ้น และทำให้ยาเพนิซิลลินถูกขับออกจากร่างกายได้ช้าลง เป็นผลให้ระดับยาเพนิซิลลินสูงขึ้นและอยู่ในร่างกายได้นาน เสมือนกับมีการยืดระยะเวลาการออกฤทธิ์ของยาให้นานยิ่งขึ้น ทำให้ไม่ต้องให้ยาในขนาดที่สูงๆ และ/หรือไม่ต้องให้ยาบ่อยๆ เป็นการเพิ่มความสะดวกในการใช้ยา และลดค่าใช้จ่ายของยา พร้อมกับคงประสิทธิภาพของยาได้เหมือนเดิมอีกด้วย
“ยาตีกัน” มักจะทำให้เกิดโทษมากกว่า

แต่ในทางตรงกันข้าม ยาตีกันชนิดที่ทำให้เกิดโทษ ซึ่งเป็นปัญหาจากการใช้ยาหลายชนิดร่วมกัน […]

ถั่วลันเตา : ช่วยคุมน้ำตาลในเลือด

By |กันยายน 16th, 2015|

 

     ถ้ากล่าวถึงสมุนไพรไทยของบ้านเรานั้น  มีเยอะแยะมากมาย และสามารถรักษาร่วมถึงป้องกันโรคได้มากมายเช่นกัน วันนี้ขอเป็นกลุ่มผู้มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ใครที่มีภาวะนี้รับมาทางนี้เลยคะ มีพืชผักไทยที่สามารถเป็นสมุนไพรช่วยลดและคุมระดับน้ำตาลในเรื่องได้ค่ะ นั้นก็คือ “ถั่วลันเตา”
     ถั่วลันเตา ก็ถือเป็นสมุนไพรไทยด้วยเหมือนกัน และเพราะเป็นพืชที่จัดอยู่ในตระกูลถั่วด้วย จึงทำให้ถั่วลันเตามีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายไม่น้อยเล­­­ยทีเดียวน๊า….
     ถั่วที่มีรสหวาน กรอบอร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการสูง  อ้างอิงจาก อ.ดร.เดวิด เจนคินส์ หัวหน้าคณะวิจัยกล่าวว่า พืชตระกูลถั่วมีโปรตีนชนิดดี ไขมัน แคโรทีน และวิตามิน บี 2 มีกากใยสูงมีเส้นใยหรือไฟเบอร์ โดยเฉพาะเส้นใยชนิดละลายน้ำ ที่ช่วยทำให้การย่อยช้าลง การดูดซึมน้ำตาลช้าลง ทำให้อิ่มนานขึ้น หิวช้าลง ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายได้ดี สรรพคุณทางยาช่วยขับของเหลวในร่างกาย ถอนพิษ ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้กับผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยนำฝักอ่อนไปต้มสุกรับประทานเป็นประจำ นอกจากนี้ยังช่วยช่วยควบคุมความดันโลหิตสูง แก้ตะคริว อาการเหน็บชา โรคหัวใจ ปัสสาวะขัด ลดอาการอักเสบฝีหนอง บำรุงตับ ช่วยเพิ่มน้ำนมให้สตรีมีบุตรอีกด้วยน๊า…
     หากท่านผู้อ่านท่านใด จะนำไปลองทานกันดูได้นะค่ะ เผื่อจะได้มีประโยชน์ต่อร่างกายของท่านผู้อ่านเองไม่มากก็น้อยนะค่ะ แต่ก็อย่าลืมออกกำลังกายควบคู่ด้วยน๊า..

แค่..งีบกลางวัน ก็ช่วยลดความดันโลหิตได้

By |กันยายน 10th, 2015|

 

        ใครๆ คงต่างมีภาวะเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตกันทั้งนั้น หรือไม่บางคนเป็นโดยไม่รู้ตัว รู้อีกทีความดันขึ้นสูงกลายเป็นโรคประจำตัวไปเลยก็มี แพทย์ต้องสั่งยาให้รับประทาน ยาลดความดันโลหิต หากวันใดไม่ได้ทานความดันก็อาจขึ้นสูง เสี่ยงอันตรายอีก วันนี้เรามีวิธีการง่ายๆในการดูแลตัวเอง และยังช่วยลดความดันได้ด้วยนะ  เนื่องจากในประเทศกรีซ แพทย์โรคหัวใจของโรงพยาบาลกลาง ในกรุงเอเธนส์ คุณหมอมาโนลิส คอลลิสเทรทโทส แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้กล่าวว่า นักปราชญ์โบราณเคยพูดไว้ว่าให้คิดตอนเช้า ทำงานตอนเที่ยง และกินตอนเย็น กับนอนกลางคืน แต่การนอนกลางวันก็ยังมีประโยชน์ หมอได้ยกตัวอย่างอดีตนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ 2 คน คือ เซอร์วินสตัน เชอร์ชิล กับมาร์กาเร็ต แธตเชอร์ บุคคลทั้งสอง ล้วนแต่ต้องงีบตอนกลางวันเป็นประจำ ซึ่งผลการศึกษาของเรา ได้ยืนยันว่าการงีบกลางวัน ดูเหมือนจะช่วยลดความดันโลหิตลงได้ ซึ่งจะทำให้จำเป็นต้องใช้ยาลดความดันโลหิตน้อยลงด้วย
     หมอชื่อดังยังพรรณนาให้ฟังว่า ได้ศึกษาพบว่า การนอนกลางวันไม่แต่เพียงจะทำให้ความดันโลหิตลดลง หากแต่ว่ายิ่งนอนก็จะได้ผลดียิ่งขึ้น การนอนกลางวันจะทำให้ความดันโลหิตลดลง ในขณะที่การนอนกลางคืนจะยังผลให้สุขภาพทั่วไป แล้วยังพบว่าคนไข้ความดันโลหิตสูง ผู้ที่ได้นอนกลางวันจะกินยาน้อยกว่าคนที่ไม่ได้นอน
      บางคนอาจยังไม่เชื่อ แต่คุณทราบหรือไม่ว่าในประเทศแถบเมดิเตอเรเนียน เช่น สเปน และอาเจนตินา […]

โรคพาร์กินสัน โรคใกล้ตัว ที่ไม่ควรมองข้าม…!!

By |กันยายน 8th, 2015|

 

 
     ปัจจุบันพบโรคและผู้ป่วยมากขึ้น และเดี๋ยวนี้ไม่ใช่โรคต่างๆจะเกิดเมื่อเราสูงอายุ ตอนนี้บุคคลทั่วไป หนุ่มๆ สาวๆ หรือวัย30+ นี่มีความเสี่ยงเกิดขึ้นแล้วนะ อย่างโรคนี้”โรคพาร์กินสัน” ที่พรากบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ ดาราภาพยนตร์ชื่อดังของฮอลลีวู้ดอย่าง ไมเคิล เจ ฟ็อกซ์ หรือนักมวยชื่อก้องโลกอย่างโมฮัมเหม็ด อาลี หรือแม้กระทั่งพระสันตะปาปา โป๊ปจอห์น พอลที่ 2 ที่ล่วงลับไป ก็ต่างออกมาเปิดเผยว่าได้ป่วยด้วยโรคพาร์กินสัน และได้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อใช้ในการวิจัยเกี่ยวกับสาเหตุของโรคพาร์กินสันและการรักษาขึ้นมาด้วย งั้นเรามาทำความรู้จัก “โรคพาร์กินสัน”  กัน
     โรคพาร์กินสัน มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัย ลีโอนาโด ดาวินชี แต่เพิ่งจะเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นโดยเฉพาะในวงการแพทย์เมื่อประมาณปี ค.ศ.1817 โดย น.พ.เจมส์ พาร์กินสัน ชาวอังกฤษ ได้พยายามอธิบายเกี่ยวกับโรคพาร์กินสันไว้อย่างชัดเจนในตำราเล่มหนึ่ง…และโรคพาร์กินสันก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากมีบุคคลซึ่งมีชื่อเสียงหลายต่อหลายท่านที่ป่วยเป็นโรคดังกล่าว เช่น ไมเคิล เจ.ฟ็อกซ์, มูฮัมหมัด อาลี, ยัสเซอร์ อาราฟัต รวมถึง สมเด็จพระสันตะปาปาจอนห์นปอลที่ 2 โรคพาร์กินสันเกิดจากการเสียสมดุลของสารเคมีชนิดหนึ่งในสมองที่ชื่อว่า “โดปามีน” อันเนื่องมาจากเซลล์สมองส่วนที่สร้างสารดังกล่าวเกิดการเสื่อมสลายไปกว่า 80% ซึ่งสารชนิดนี้ทำหน้าที่ควบคุมระบบการเคลื่อนไหวของร่างกาย […]

แนะวิธีรับมือ “โรคภูมิแพ้”

By |กันยายน 1st, 2015|

 

โรคภูมิแพ้ หรือโรคทางเดินหายใจ ปัจจุบันนี้พบว่า คนไทยเป็นโรคนี้กันมาก ตรวจพบได้ตั้งแต่วัยเด็กเล็กจนถึงผู้ใหญ่ ทางกรมการแพทย์เลยชี้  โรคภูมิแพ้เกิดจากกรรมพันธุ์ ติดเชื้อซ้ำ ๆ พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อยู่กับสารก่อภูมิแพ้เป็นเวลานานๆ วันนี้ทางกู๊ดเฮลท์1999 ขอแนะวิธีรับมือภูมิแพ้ประเภทต่างๆ ช่วยให้ภาวะการเกิดอาการภูมิแพ้นั้นลดน้อยลง

 

โรคภูมิแพ้ คืออะไร

ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีหน้าที่ที่จะจดจำสิ่งแปลกปลอมที่จะทำร้ายร่างกายเรา เช่นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัสโดยการสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นต่อสู้กับเชื้อโรค โรคภูมิแพ้เป็นภาวะที่ภูมิของร่างกายมีปฏิกิริยากับโปรตีนหรือสารก่อภูมิแพ้ allergen จากสิ่งแวดล้อมซึ่งปกติจะไม่มีอันตรายสำหรับผู้ที่ไม่แพ้ ปฏิกิริยานี้เริ่มเมื่อเราได้รับสารก่อภูมิแพ้ก็จะเกิดการสร้างภูมิที่เรียกว่า IgE antibody ตัว antibody นี้จะกระตุ้น Mast cell ให้มีการหลั่งสาร Histamin ขึ้นที่เนื้อเยื่อต่าง เช่น ผิวหนัง ปอด จมูก ลำไส้ ทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะต่างๆ อาการแสดงจะเกิดตามอวัยวะต่างๆ เช่นลมพิษที่ผิวหนัง คัดจมูก แน่นหน้าอกเนื่องจากหอบหืด บางรายอาจจะรุนแรงถึงกับเสียชีวิตได้ Anaphylaxis shock

 

โรคภูมิแพ้อากาศ กับไซนัสอักเสบ  ต่างกันอย่างไร

โรคภูมิแพ้อากาศ สามารถเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันร่างกายทำปฏิกิริยาต่อสิ่งเร้าได้ไวกว่าคนทั่วไปหรือจากระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องก็ได้ ดังนั้นเมื่อเจอฝุ่นหรืออากาศเปลี่ยนแปลง ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้อากาศมักมีอาการคันจมูก คัดจมูก น้ำมูกไหล ทำให้ต้องขยี้จมูกและสั่งน้ำมูกบ่อย เยื่อบุจมูกจึงเกิดอาการบวมทำให้รูเชื่อมระหว่างโพรงจมูกและโพรงไซนัสตีบตัน จึงทำให้เกิดไซนัสอักเสบได้ง่ายขึ้นนั้นเอง

 

โรคลมพิษคืออะไร

โรคลมพิษ เป็นโรคภูมิแพ้ที่พบได้ถึงร้อยละ […]

เช็คด่วน!! คุณกำลังเสี่ยงเป็นโรค MS หรือเปล่า ?

By |สิงหาคม 28th, 2015|

 

 

เช็คด่วน!! คุณกำลังเสี่ยงเป็นโรคเอ็มเอส หรือเปล่า ? ภัย!!เงียบ ของคนวัยทำงาน

หากกล่าวถึงคนวัยทำงาน หลายคนมองว่า ช่วงวัยยี้เป็นช่วงวัยที่ลุย ช่วงที่เก็บโกยเงิน และประสบการณ์ชีวิต แต่แท้จริงแล้ว ปัจจุบันมักพบว่าช่วงวัยนี้นั้นเป็นช่วงวัยแห่งการเกิดโรค และอาการเจ็บปวดต่างๆ  หากคุณอยู่ในวัยทำงานหรือวัยหนุ่มสาว หรือไม่ลองสังเกตคนวัยทำงานเหล่านี้ดู จะทราบว่าคนช่วงวัยนี้มักรู้สึกมีอาการอ่อนเพลียไม่ค่อยมีแรง มีอาการชาตามบริเวณต่างๆ ของร่างกาย มีปัญหาในการเดินหรือการทรงตัว ตามัวมองไม่เห็น ขอบอกเลยว่านี่คือสัญญาณเตือน ระวัง… คุณกำลังมีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคเอ็มเอส ถึงแม้ว่าโรคนี้จะพบได้ไม่บ่อยนัก แต่เมื่อเป็นแล้วอาจจะมีอาการร้ายแรงจนถึงขั้นพิการได้

นพ.ชาคร จันทร์สกุล แพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ ได้ให้ข้อมูลว่า

โรคเอ็มเอส (MS) หรือชื่อเต็มในภาษาอังกฤษคือโรคมัลติเพิล สเคลอโรซิส (multiple sclerosis) เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของปลอกประสาท (myelin sheath) ในระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งได้แก่ สมอง ไขสันหลัง และเส้นประสาทตา ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรค แต่เชื่อว่าโรคนี้อาจเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง ทั้งปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม พันธุกรรม การติดเชื้อไวรัสบางชนิด การที่มีระดับวิตามินดีในร่างกายต่ำ หรือมีความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

จากข้อมูลทางระบาดวิทยาพบว่า โรคเอ็มเอสเกิดขึ้นได้บ่อยในเขตละติจูดสูง ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นคนที่สืบเชื้อสายมาจากชาวยุโรป ปัจจุบันพบว่าโรคเอ็มเอสพบได้ในทุกเผ่าพันธุ์ เป็นได้ทั้งคนผิวดำ คนผิวขาว คนละตินอเมริกา คนเอเชียรวมถึงคนไทยด้วย […]

คนป่วยโรคไต ควรจำ!! อาหารที่ควรเลือก-เลี่ยง!!

By |สิงหาคม 24th, 2015|

 
   
      ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่ยังไม่ได้รักษาด้วยการฟอกเลือด ควรได้รับโปรตีนต่ำกว่าคนปกติ คนที่เป็นโรคนี้คงรู้ดี โดยมีข้อแนะนำให้อยู่ระหว่าง 0.6-0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัวที่ควรจะเป็น เพื่อให้ไตส่วนที่เหลือได้ทำงานลดลงและเกิดของเสียน้อยลง โดยเลือกทานโปรตีนที่มีคุณภาพดี ควรหลีกเลี่ยงโปรตีนที่มีคุณภาพต่ำ เนื่องจากไตต้องทำงานหนักในการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย เช่น ถั่ว ธัญพืช เต้าหู้ เป็นต้น
    เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยควรจะทราบเกี่ยวกับการเลือกทานอาหาร วันนี้เรามี อาหารที่ควรเลือก และ อาหารที่ควรเลี่ยง สำหับผู้ป่วยโรคไตที่ยังไม่ได้รับการฟอกไต

การคำนวนการบริโภคโปรตีนต่อวัน

ต้องคำนวณจากน้ำหนักตัวที่น่าจะเป็น (กก.) X ระดับกรัมโปรตีนที่แพทย์กำหนด
วิธีการคำนวณน้ำหนักตัวที่น่าจะเป็น
ส่วนสูง = (ซม.) – 100  ในเพศชาย
ส่วนสูง = (ซม.) – 105  ในเพศหญิง
ปริมาณโปรตีนที่ควรบริโภคตามน้ำหนักตัว
น้ำหนักตัว       จำกัดโปรตีนต่ำ       จำกัดโปรตีนต่ำมาก
(กก.)           (กรัมโปรตีน/วัน)       (กรัมโปรตีน/วัน)
40                 24 – 32                   12   – 16
45                 27 – 36                   13.5 – […]

โรคโมยาโมยา แม้โอกาสเกิด 1 ในล้านคน แต่ไม่ควรมองข้าม

By |สิงหาคม 22nd, 2015|

 

จากข่าวอาการป่วยของน้องซีดี นักแสดงเด็กจากภาพยนต์ตุ๊กแกรักแป้งมาก ที่ป่วยเป็นโรคโมยาโมยา ที่ทำให้หลายคนสงสัย และ งง ? ว่า โรคนี้คืออะไร และมีคนสนใจเรื่องโรคโมยาโมยา กันมากขึ้น

 

โรคโมยาโมยา คือโรคอะไร

 โรคโมยาโมยา แม้อัตราส่วนการเกิดโรคนี้อยู่เพียง 1 ในล้านคนเท่านั้น ทว่าแม้จะมีโอกาสเพียงแค่ 1 ในล้าน แต่ก็ใช่ว่าโรคโมยาโมยาจะไม่เกิดขึ้นเลยนะคะ

      โรคโมยาโมยา เป็นโรคที่เกิดจากหลอดเลือดสมองมีความผิดปกติ โดยพบว่ามีอาการอุดตันของผนังหลอดเลือดแดงคาโรติด ซึ่งเป็นหลอดเลือดสำคัญที่ลำเลียงเลือดเข้าไปเลี้ยงสมอง หรือในบางเคสอาจพบว่า หลอดเลือดแดงคาโรติดตีบตันจนทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ยากกว่าปกติ

ทั้งนี้คำว่า “โมยาโมยา” มาจากภาษาญี่ปุ่น ซึ่งแปลได้ว่ากลุ่มควันบุหรี่ เนื่องจากเมื่อหลอดเลือดสมองเกิดการอุดตันจนส่งเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอต่อความต้องการ หลอดเลือดสมองอื่น ๆ จะเข้ามาเป็นกองหนุนเพื่อลำเลียงเลือดเข้าไปเลี้ยงสมอง จนทำให้เกิดเส้นเลือดสมองรายล้อมคล้ายกลุ่มควันนั่นเอง

 

 

 

สาเหตุของโรคโมยาโมยา

โรคโมยาโมยาอาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของโครโมโซม หรือการถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรืออีกนัยหนึ่งอาจเป็นความผิดปกติที่เกิดจากโรคเนื้องอกทางพันธุกรรมชนิดหนึ่ง โรคกลุ่มดาวน์ซินโดรม โรคไทรอยด์เป็นพิษ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด หรือโรคหลอดเลือดแดงในไตตีบ เป็นต้น

 โรคโมยาโมยาเกิดกับใครได้บ้าง

 โรคโมยาโมยาพบได้บ่อยในวัยเด็ก แต่ก็มีรายงานจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐอเมริกาว่า โรคนี้สามารถเกิดขึ้นกับผู้ใหญ่ได้เช่นกัน ทว่าโรคโมยาโมยาก็เป็นโรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย ส่วนมากพบในประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย และแอฟริกา และโดยเฉลี่ยแล้วโอกาสเกิดโรคจะมีเพียง 1 ในล้านคนเท่านั้น 

 

 

 โรคโมยาโมยา อาการเป็นอย่างไร

อาการของโรคโมยาโมยาในระยะเริ่มแรกจะสังเกตได้จากอาการชัก ปวดศีรษะอย่างรุนแรง […]

เปิดตำนานสมุนไพรจีนตัวไหน? ที่ทำให้พระกระโดดกำแพง

By |สิงหาคม 19th, 2015|

 

พระกระโดดกำแพง!!!! อะไรกัน บางคนถึงกับ งง ?? แต่บางท่านอาจเคยได้ยิน แต่สงสัย ? ว่ามันคืออะไรกันแน่ “พระกระโดดกำแพง” เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับอาหารจีนระดับฮ่องเต้ อาหารบำรุงสุขภาพอย่างหนึ่ง ที่มีราคาค่อนข้างแพง เกินกว่าสามัญชนคนธรรมดาในยุคปัจจุบันจะได้ลิ้มรส โดยมีเรื่องเล่าว่า

     องค์ชาย 14 แห่งราชวงศ์ชิง รู้ตัวว่า ถูกองค์ชาย 4 วางแผนชิงอำนาจ ทำให้พระองค์บรรทมไม่หลับ เสวยไม่ได้ ผู้ปรุงอาหารในราชสำนัก จึงเปิดตำราระดมสุดยอดอาหาร เพื่อนำไปถวายบำรุงกำลังวังชาฮ่องเต้ อาหารชนิดนั้นต้องใช้กระบวนการตุ๋นถึง 18 ชั่วโมง

     ทันทีที่พระองค์เปิดฝาโถใส่อาหาร กลิ่นหอมของอาหารฮ่องเต้ ก็โชยออกสู่นอกพระราชวัง เข้าจมูกหลวงจีนวัดเส้าหลิน หลวงจีนก็เลยตบะแตก ทนไม่ได้ใช้วิชาตัวเบากระโดดข้ามกำแพงมาเอ่ยปากขอชิม อาหารสูตรนี้ จึงได้ชื่อว่า พระกระโดดกำแพง ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

     บ้างก็บอกว่า เป็นเรื่องที่พระจีนกำลังออกบิณฑบาตอยู่ แต่ไม่มีใครใส่บาตรเลย พระท่านหิวมาก จนเกิดอาการตาลาย กระทั่งเดินผ่านบ้านหลังหนึ่ง กำลังปรุงอาหารอยู่ กลิ่นอาหารหอมเข้าจมูก พระท่านก็เลยกระโดดข้ามรั้วบ้านเข้ามา

     ทั้งสองเรื่องที่กล่าวมา ต่างเป็นเรื่องเล่า สุดยอดอาหารฮ่องเต้ หลายคนคงอยากรู้ว่าอาหารที่ว่า สุดยอดอาหารฮ่องเต้นั้นทำจากวัตถุดิบอะไร ใส่อะไรบ้างกัน แล้วมีสรรพคุณช่วยอะไรบ้าง  […]

สร้างเกราะป้องกัน 5 โรค NCDs ด้วย “ถั่งเช่า”

By |สิงหาคม 15th, 2015|

 

 
สร้างภูมิคุ้มกัน เกราะป้องกัน 5 โรค ในกลุ่มโรค NCDs
     กลุ่มโรค NCDs (Non-Communicable diseases) ???

หลายคนอาจไม่รู้จัก กลุ่มโรคนี้ มันคือโรคอะไร  หรือ กำลัง งง ? อยู่ว่า เป็นกลุ่มโรคใหม่หรือเปล่า อันที่จริง ชื่อภาษาไทยเรียกว่า “กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง” เป็นชื่อเรียก กลุ่มโรคที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค ไม่สามารถติดต่อได้ผ่านการสัมผัส คลุกคลี หรือ ติดต่อผ่านตัวนำโรค (พาหะ) หรือสารคัดหลั่งต่างๆ หากแต่เกิดจากปัจจัยต่างๆ ภายในร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากไลฟ์สไตล์วิธีการใช้ชีวิต ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงอย่าง เหล้า บุหรี่ ขาดการออกกำลังกาย อาหารหวานมันเค็มจัด และมีความเครียดนั้นเอง

 

 

สำหรับประเทศไทยเอง ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก(WHO) สถิติล่าสุดพบว่ามีถึง 14 ล้านคนที่เป็นโรค ในกลุ่มโรค NCDs และที่สำคัญยังถือเป็นสาเหตุหลักการเสียชีวิตของ ประชากรทั้งประเทศ โดยจากสถิติปี พ.ศ. 2552 พบว่า มีประชากรเสีย ชีวิต จากกลุ่มโรค […]